Bootcamp: LLM Research Challenge Thailand 2026 จุดไฟนวัตกรรมวิจัยด้วย LLM สัญชาติไทย
การพัฒนา Large Language Model (LLM) ภาษาไทยเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยี AI ของประเทศ เนื่องจากภาษาไทยมีโครงสร้างและบริบทเฉพาะตัวที่แตกต่างจากภาษาอื่น การมีโมเดลภาษาไทยที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ระบบ AI สามารถเข้าใจและประมวลผลข้อมูลภาษาไทยได้แม่นยำและลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้งานในภาครัฐ ภาคธุรกิจ และงานวิจัย
ปัจจุบันมีการพัฒนาโมเดล LLM ภาษาไทยหลายตัว เช่น OpenThaiGPT, Pathumma LLM, Typhoon และ OpenThaiLLM ซึ่งเป็นโมเดลแบบ Open Source ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาและองค์กรต่างๆ สามารถนำไปใช้งานและต่อยอดได้อย่างกว้างขวาง ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมและระบบนิเวศ AI ในประเทศไทย การพัฒนา LLM ภาษาไทยต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เช่น การจัดเตรียมข้อมูลคุณภาพสูงที่ครอบคลุมหลากหลายบริบท การทำ Data Cleansing และการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ขั้นสูงในการฝึกสอนโมเดล รวมถึงการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI เพื่อให้สามารถต่อยอดและปรับใช้โมเดลให้ตอบโจทย์เฉพาะด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนา LLM ภาษาไทยจะช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาระบบสืบค้นความรู้วิจัยที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐและหน่วยงานพันธมิตร รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในระบบอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจฐานความรู้ของประเทศ การพัฒนาและเผยแพร่โมเดล LLM แบบเปิด (Open Source) ยังช่วยลดต้นทุนการพัฒนา สนับสนุนการสร้างนวัตกรรม และผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในระบบนิเวศ AI ของประเทศไทย ทำให้ประเทศสามารถแข่งขันในเวทีโลกด้านเทคโนโลยี AI ได้อย่างมั่นคง

วัตถุประสงค์
- สร้างการมีส่วนร่วมและความร่วมมือของหน่วยงานในระบบอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) รวมถึงภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี AI ภาษาไทย
- พัฒนาศักยภาพและทักษะบุคลากรด้าน AI และ Big Data ให้มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและใช้งานโมเดลภาษา รวมถึงการประยุกต์ใช้ในงานวิจัยและธุรกิจ
- เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลคุณภาพสูงระหว่างหน่วยงานพันธมิตร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาระบบสืบค้น ถาม-ตอบ อัจฉริยะ ให้ตอบโจทย์เฉพาะด้านต่างๆ ของประเทศ
ระยะเวลาโครงการ
สัมมนา Workshop จุดไฟนวัตกรรมวิจัยไทย ด้วยพลัง LLM สัญชาติไทย!

เข้าร่วมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ขอจำกัดสิทธิ์หน่วยงานละ 2 ท่าน ที่เป็นผู้ดูแลนโยบาย และผู้ดูแลด้านไอที